รวบแล้วสาวขายทองคำออนไลน์ เสียหายมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ต.อ.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผกก.5 บก.ปอศ.และ ร.ต.อ.จรัส แก้วสง่า รองสว.(สอบสวน) กก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม น.ส.ดลพร อ่อนมิ อายุ 39 ปี อาชีพแม่ค้าขายทองคำออนไลน์ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 19 ก.ย. 2559 เลขที่ 1805/2559 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” โดยมีผู้เสียหาย 263 ราย มูลค่าจำนวน 23 ล้านบาทโดยหนึ่งในผู้เสียหายเป็นผู้สื่อข่าวช่อง เวิร์คพอยท์
น.ส.บีม (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเห็นการโฆษณาประกาศขายทองคำในเฟซบุ๊คของ น.ส.ดลพร ที่จัดเป็นโปรโมชั่นต่างๆ เป็นประจำและมีการจัดมิตติ้งทำบุญต่างๆโดยเสียค่าสมัคร200บาท ตนจึงมั่นใจได้ว่าทาง น.ส.ดลพร เป็นคนดี ต่อมาตนได้สั่งของและโอนเงินไปให้จำนวน 180,000 บาท จนเวลาเลยกำหนด และยังไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความ ทั้งนี้ตนจึงอยากได้เงินคืน เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินเก็บของตนไว้ใช้ในยามจำเป็น
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นจะดำเนินตามขั้นตอนตามกฏหมายและจะตรวจสอบทรัพย์สินเส้นทางการเงิน ว่าจะเป็นพรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือไม่ และจะขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องถ้าหลักฐานไปถึงผู้ใดก็จะดำเนินการตามกฏหมายทันที ทั้งนี้ทางบก.ปอศ.ยืนยันว่า จะดำเนินการเต็มที่เพื่อเร่งรัดทำสำนวนให้เร็วที่สุด โดยหลังจากนี้จะส่งมอบหลักฐานต่างๆให้กับทาง ปปง.ในการตรวจสอบดังกล่าวถ้ามีการฟอกเงินก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวต่อว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหายที่ยังไม่ได้มาร้องเรียนว่าสามารถเดินทางมาร้องเรียนได้ที่ กก.5 บก.ปอศ. ตนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกนำเงินไปอีกหลายราย
เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. นำตัวผู้ต้องหาฝากขังไว้ที่ศาลอาญาและจะตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
น.ส.บีม (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเห็นการโฆษณาประกาศขายทองคำในเฟซบุ๊คของ น.ส.ดลพร ที่จัดเป็นโปรโมชั่นต่างๆ เป็นประจำและมีการจัดมิตติ้งทำบุญต่างๆโดยเสียค่าสมัคร200บาท ตนจึงมั่นใจได้ว่าทาง น.ส.ดลพร เป็นคนดี ต่อมาตนได้สั่งของและโอนเงินไปให้จำนวน 180,000 บาท จนเวลาเลยกำหนด และยังไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความ ทั้งนี้ตนจึงอยากได้เงินคืน เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินเก็บของตนไว้ใช้ในยามจำเป็น
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นจะดำเนินตามขั้นตอนตามกฏหมายและจะตรวจสอบทรัพย์สินเส้นทางการเงิน ว่าจะเป็นพรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือไม่ และจะขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องถ้าหลักฐานไปถึงผู้ใดก็จะดำเนินการตามกฏหมายทันที ทั้งนี้ทางบก.ปอศ.ยืนยันว่า จะดำเนินการเต็มที่เพื่อเร่งรัดทำสำนวนให้เร็วที่สุด โดยหลังจากนี้จะส่งมอบหลักฐานต่างๆให้กับทาง ปปง.ในการตรวจสอบดังกล่าวถ้ามีการฟอกเงินก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวต่อว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหายที่ยังไม่ได้มาร้องเรียนว่าสามารถเดินทางมาร้องเรียนได้ที่ กก.5 บก.ปอศ. ตนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกนำเงินไปอีกหลายราย
เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. นำตัวผู้ต้องหาฝากขังไว้ที่ศาลอาญาและจะตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
No comments:
Post a Comment