ปิดเว็บหมิ่น 900 URL ไปแล้ว
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2559 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ภายหลังการพูดคุยร่วมกับเว็บไซต์ยูทูบ , กูเกิล แอพพลิเคชั่นไลน์ และได้สำรวจเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันและไม่เหมาะสม โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงพบว่า ระหว่างวันที่ 1-12 ต.ค. มีเว็บไซต์ที่กระทำผิดกว่า 200 ยูอาร์แอล และระหว่างวันที่ 13-31 ต.ค. มีเว็บไซต์ที่กระทำผิดประมาณ 1,150 ยูอาร์แอล โดยมีการอาศัยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปิดไปแล้ว 200 ยูอาร์แอล อยู่ระหว่างกระบวนการทางศาลเพื่อขอให้ปิด 1,150 ยูอาร์แอล ซึ่งศาลมีคำสั่งปิดแล้ว 700 ยูอาร์แอล ทั้งนี้พบว่าเว็บไซต์ยูทูบมีเนื้อหาที่กระทำความผิดคดีหมิ่นสถาบันจำนวนเยอะที่สุด ซึ่งได้รับความร่วมมือในการปิดเยอะที่สุด
พล.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ส่วนการขอความร่วมมือกับเฟซบุ๊ก ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานผู้บริหารระดับสูง ที่ดูแลพื้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อจะขอเข้าหารือที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอยู่ระหว่างรอคำตอบ
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมสามารถแจ้งมายังหน่วยงานที่รับผิดชอบ และไม่ควรจะมีการแชร์ข้อมูลต่อ เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความผิด พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับบริษัทที่เรากำลังขอความร่วมมืออยู่ ยืนยันว่าเราไม่ได้เข้าไปล้ำเส้นหรือก้าวก่ายบริษัทเหล่านี้ ไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะเข้าใจว่าเว็บไซต์เหล่านี้มีคนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานไซเบอร์ เพื่อทำหน้าที่ประสานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ โดยมีรองปลัดกระทรวงดีอีเป็นหัวหน้าศูนย์
พล.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ส่วนการขอความร่วมมือกับเฟซบุ๊ก ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานผู้บริหารระดับสูง ที่ดูแลพื้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อจะขอเข้าหารือที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอยู่ระหว่างรอคำตอบ
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมสามารถแจ้งมายังหน่วยงานที่รับผิดชอบ และไม่ควรจะมีการแชร์ข้อมูลต่อ เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความผิด พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับบริษัทที่เรากำลังขอความร่วมมืออยู่ ยืนยันว่าเราไม่ได้เข้าไปล้ำเส้นหรือก้าวก่ายบริษัทเหล่านี้ ไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะเข้าใจว่าเว็บไซต์เหล่านี้มีคนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานไซเบอร์ เพื่อทำหน้าที่ประสานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ โดยมีรองปลัดกระทรวงดีอีเป็นหัวหน้าศูนย์
No comments:
Post a Comment